ช่องความถี่
VHF Low (47MHz-68Mhz) => 2-4
FM (88MHz-108MHz)
S-Band Low (104MHz-174MHz)=> s1-s10
VHF High (174MHz-230MHz)=> 5-12
S-Band High (230MHz-300MHz)=> s11-s20
UHF Low (470MHz-582MHz)=> 21-34
UHF High (582MHz-862MHz)=> 35-69
จดเอาไว้กันลืม
VHF Low (47MHz-68Mhz) => 2-4
FM (88MHz-108MHz)
S-Band Low (104MHz-174MHz)=> s1-s10
VHF High (174MHz-230MHz)=> 5-12
S-Band High (230MHz-300MHz)=> s11-s20
UHF Low (470MHz-582MHz)=> 21-34
UHF High (582MHz-862MHz)=> 35-69
Posted by tektip at 10/09/2007 12:51:00 PM 0 comments
Labels: Satellite
Transponder - LNB Local = tuner frequency Frequency Oscillator 12750 MHz Telecom/Astra 1F DBS/Astra 1E 11700 MHz - 10000 MHz = 1700 Astra 1B Astra 1A Receiver tuning range without ADX Astra 1C 950 + 500 = 1450 Astra 1D Tuning range with ADX 10700 MHz - 10000 MHz = 700 + 500 = 1200
Transponder LNB Local Frequency Oscillator 12750 MHz - 10600 MHz = 2150 Telecom/Astra 1F Receiver tuning range for Hi band (22kHz on) DBS/Astra 1E - 10600 MHz = 1100 11700 MHz - 9750 MHz = 1950 Astra 1B Astra 1A Receiver tuning range for Lo band (22kHz off) Astra 1C Astra 1D 10700 MHz - 9750 MHz = 950
Posted by tektip at 10/09/2007 11:44:00 AM 0 comments
Labels: Satellite
Splitter
คือตัวแยกสัญญาณ RF แบบปกติ ซึ่งสัญญาณจุด Out จะ Loss เท่ากันหมดทุก Port , splitter TV ธรรมดา ไม่ต้องมีการส่งสัญญาณย้อนกลับ ทำให้เอาไปใช้กับระบบดาวเทียมไม่ได้
Tap off
สัญญาณช่อง Tap จะ Loss มากกว่าช่อง Out ตัวอย่างเช่น Tap off 2 ทาง จะมี
1. ช่อง In = 1 ช่อง
2. ช่อง Out = 1 ช่อง Loss ประมาณ 3.5 dB
3. ช่อง Tap = 2 ช่อง Loss ประมาณช่องละ -10 dB (หรือแล้วแต่เลือก เช่น -15, -20, -25 dB)
ดังนั้น Tap off เหมาะใช้แยกสัญญาณต้นแหล่งที่ออกจาก Booster และสัญญาณยังแรงมากอยู่ จึงต้องใช้ Tap off ลดสัญญาณให้พอดี ก่อนเข้าโทรทัศน์ ส่วนช่อง Out ของ Tap off ใช้ต่อไปยัง Tap off หรือ Splitter ตัวต่อไป
Power Pass Splitter
เอาไว้ต่อระหว่าง LNB กับ Receiver ต่างจาก Splitter ธรรมดา คือไฟสามารถย้อนกลับจาก Out ไป In ได้ เหมาะใช้แยกรีซีฟเวอร์ หลาย ๆ เครื่อง เนื่องจาก Lnb ต้องการไฟเลี้ยงจากรีซีฟเวอร์ (Receiver ส่งสัญญาณคำสั่งไปสั่ง LNB ) โดยจะมีตัวไดโอดที่ต่ออยู่ในตัวสปลิทเตอร์ ทำหน้าที่กำหนดขั้วทางเดินของไฟ ขั้วไฟของสปลิทเตอร์แบบนี้ส่วนมาก จะออกแบบให้ไฟ + ผ่านเข้าทาง Output ไปออกทาง Input และทุกๆ Output จะต่อไดโอดไว้และรวมกันที่จุด Input ทั้งหมด ( แบบนี้เขาเรียก ALL PASS ) หรือยอมให้ไฟผ่านตัวมันได้ทุกทาง สปลิทเตอร์แบบนี้จะมีย่านความถี่คลอบคลุมไว้ค่อนข้างกว้างคือ ตั้งแต่ 5-2400 MHz ฉนั้นสปลิทเตอร์แบบนี้จึงสามารถใช้ได้ทั้งสัญญาณทีวีธรรมดา จนถึงย่านความถี่ดาวเทียม
DiSEqC (Digital Sattelite Equipment Control)
เป็นตัวอุปกรณ์ที่ใช้ทำหน้าที่ตัดต่อสลับเลือกสัญญาณจากตัว LNB เพื่อนำมาใช้งาน โดยมี IC ไมโครโปรเซสเซอร์ เป็นตัวอ่านคำสั่งจากเครื่องรับว่าสั่งให้สวิทไปทางใหน การจ่ายไฟเลี้ยงให้กับตัว LNB โดยปกติของสวิทแบบนี้จะจ่ายไฟเลี้ยงให้กับตัว LNB ที่ถุกเลือกเท่านั้น ถ้ามีการใช้ DiSEqC Switch ต่อกับ splitter เพื่อพ่วงกับ Receiver หลายๆตัวอาจจะทำให้สัญาณกวนกันได้
ดังนั้นการใช้ DiSEqC Switch จึงเป็นการเลือกสัญญาณจาก LNB หลายๆหัวจาก Receiver เครื่องเดียว
แต่การใช้ Multi switch จะเป็นการเลือกสัญญาณจาก LNB หลายๆหัวจาก Reveiver หลายๆเครื่องดูได้อิสระ
คำสั่งที่ออกมาจากหลังเครื่องReceiver คำสั่งพื้นฐานได้แก่
คำสั่ง 13/18 ใช้เลือก V(13v) หรือ H(18v)
คำสั่ง 0/22 Khz ใช้เลือก C(0Khz,Low Band) หรือ Ku(22Khz,High Band)
คำสั่ง DiSEqC 1.0 เลือก จาน fix แต่ละใบ
คำสั่ง DiSEqC 1.2 สั่ง Move จาน
Multi Switch คืออุปรณ์ ซึ่งเกิดจากการนำชุดคำสั่งข้างต้นไปประกอบกันหลายๆคำสั่ง ซับซ้อนกว่า DiSEqC switch ทำให้ต่อกับหลาย Reciever ได้
Spec ของพวก splitter แบบต่างๆ
http://www.9sats.com/product/product.php?cat=75&
วิธีการต่อ Multiswitch แบบต่างๆ
http://www.nics-sat.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=326827&Ntype=6
LNB (Low-noise Block Converter)
สัญญาณที่มาจากดาวเทียมเป็นสัญญาณ Microwave ทำให้มี Loss สูงเวลาผ่านสายเคเบิล LNB จะทำหน้าที่แปลงสัญญาณความถี่สูง (GHz) ให้เป็นความถึ่ต่ำ (MHz) ทำให้มี loss น้อยลง เวลาซื้อ LNB จะต้องระบุว่าทำงานที่ความถึ่เท่าไหร่เช่น 11300 MHz เป็นต้น
Combiner
เป็นอุปกรณ์รวมสัญญาณ RF หลายๆช่องจาก Modulator ให้ออกมารวมกันอยู่ในสายเส้นเดียว เวลาเลือกซื้อต้องเลือกย่านความถึ่ด้วยว่าต้องการย่านไหนเช่น UHF, VHF, S-Band อย่างละกี่ช่อง ต้องดูเครื่องรับด้วยว่ารับได้ย่านละกี่ช่อง, Combiner แบ่งออกเป็น 2 ชนิดคือชนิด Passive ไม่ต้องใช้ไฟเลี้ยง กับแบบ Active จะต้องมีไฟเลี้ยงเพราะว่าได้เพิ่มวงจรในส่วนของ การขยายสัญญาณ , การกรองสัญญาณ เข้ามา ในบางกรณีถ้ามีจำนวนช่องน้อยๆสามารถใช้ splitter ต่อกลับทางก็ได้เหมือนกัน หรืออาจจะสามารถใช้ splitter ต่อกลับทางในการรวม combiner 2 ตัวที่ไม่มีช่องสำหรับ link กันก็ได้
Mixer
ใช้สำหรับรวมสัญญาณดาวเทียม (950-2250 MHz) กับ สัญญาณทีวีจากเสาอากาศ (40-860 MHz) ลงมาในสายเส้นเดียวกัน เช่นในกรณีรับบางช่องจาก CableTV แล้วเอามารวมกับรายการที่มาจากดาวเทียมอีกบางช่องเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
Card Reader
UBC ใช้ Irdeto สังเกตุที่ตัว reader จะมี chip ความถี่ติดอยู่ด้วย
ASTRO ใช้ Mediaguard หรือ SECA2
SVT ใช้ VIAccess
ตัวอ่านบัตรของ Mediaguard กับ VIAccess สามารถเสียบในช่องเดียวกันได้ แต่อาจจะต้อง flash firmware หรือสลับสารแพรของตัวอ่านบัตร หรือกดปุ่ม Format ค้างเอาไว้
Booster
การส่งสัญญาณไปในสาย ช่องความถี่สูงจะ lost ไปได้ไวกว่าช่องความถี่ต่ำ การปรับ booster จึงต้องปรับ slope ให้ขยายช่องความถี่สูงมากกว่าความถี่ต่ำ
Line AMP Booster
เป็นบูสเตอร์ขยายสัญญาณ LNB ความถี่ 950-2050 MHz (DC 13-18V)ใช้ขยายสัญญาณในกรณีที่มีการเดินสายระหว่างจานดาวเทียมกับเครื่องรับ เป็นระยะไกล ๆ
Modulator
ใช้แปลงสัญญาณ AV จาก receiver ให้เป็น RF ปกติจะใช้ต่อกันหลายๆตัวแล้วเอาเข้า Combiner เพื่อที่จะได้สามารถส่งหลายๆช่องไปในสายเส้นเดียวได้
จาน Offset
หมายถึงจานที่ หน้าจานจะหันไม่ตรงตำแหน่งดาวเทียมตรงๆ จะทำมุมก้มกว่า (มุมกวาดเท่ากัน)รับสัญญาณโดยหัว LNB ไม่ได้อยู่ตรงกลางจาน เช่นจาน UBC เป็นต้น
จานที่ LNB อยู่กลางจานเรียกว่า Prime Focus
Posted by tektip at 10/02/2007 03:07:00 AM 0 comments
Labels: Satellite